วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 23, 2560

"ดูเหมือนว่า คสช. สร้างศัตรูกับทุกฝ่ายถ้าไม่ใช่ลิ่วล้อของตน" นั่นคือความเสื่อม

มันไม่ง่ายอย่างนั้นละนะ แค่ประกาศว่าสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ แล้วจะทำให้รัฐบาล คสช. พ้นมลทินเรื่องใช้อำนาจกดขี่ละเมิดสิทธิประชาชนไปได้

อย่างที่ อจ.โสรัจจ์ หงส์ลดารมภ์ ว่าไว้ ต้องให้ OHCHR องค์กรสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติเข้ามาตรวจการกระทำของตัวเองเสียก่อนว่าผ่านไหม เท่าที่ผ่านมากว่าสามปีมีแต่องค์กรสิทธิหลายแห่งเตือนแล้วเตือนอีกว่าลุกล้ำปฏิญญาสากลสิทธิมนุษยชนหลายหนแล้ว

ถ้อยคำเก๋ไก๋สวยหรู “๔ สร้าง + ๓ ปรับปรุง + ๒ ขับเคลื่อน + ๑ ลด = Goal” ไม่ทำให้ภาพพจน์เผด็จการใช้อำนาจข่มเหงผู้เห็นต่าง และตุลาการวิบัติ หมดไปได้ง่ายๆ

กรณีนักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิตปริศนา แล้วมีคนใหญ่โตใน คสช. ทั้งรองหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงและ ผบ.ตร. ออกมาแก้ตัวว่าเป็นเรื่องธรรมดา นี่น่าจะเป็นในบุรุนดา เยเมน หรือเกาหลีเหนือเสียมากกว่า

นานาชาติอื่นๆ เขารู้เช่นเห็นแจ้งทั้งนั้น รวมถึงการดำเนินคดีต่อ ไผ่ ดาวดิน หลายข้อหาหนักๆ ไม่ว่า ๑๑๒ ๑๑๖ หรือขัดคำสั่งคณะรัฐประหาร แล้วคุมขังยาวไม่ยอมให้ประกันจนบางคดีระยะเวลาที่ติดคุกรอการพิจารณานั้นยาวกว่าโทษที่ควรได้รับหากถูกพิพากษามีความผิดตามฟ้องด้วยซ้ำ 
“ศาลทหารได้ยกคำร้องขอให้สั่งปล่อยตัวไผ่จากคดีชูป้ายคัดค้านรัฐประหาร แม้ทนายจำเลยแย้งว่าถูกขังจนครบอัตราโทษสูงสุดแล้ว อาจไม่อยู่ในอำนาจกฎหมายหากยังไม่มีคำสั่งปล่อยตัว รวมถึงอาจเป็นการจำกัดสิทธิของผู้ต้องขัง 
โดยสรุป ศาลชี้ว่าอยู่ในดุลพินิจของศาลในการพิจารณา และถึงอย่างไรจำเลยก็ต้องจำคุกอยู่แล้วในคดี ๑๑๒”
ความเห็นที่สองซึ่งตรงกับความเห็นของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวคือ ศาลไม่มีอำนาจที่จะขังจำเลยไว้ระหว่างพิจารณาคดีเกินกว่าโทษจำคุกสูงสุดตามกฎหมายได้
เนื่องจากจะเป็นการทำให้จำเลยซึ่งอยู่ในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนโดยกฎหมายว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ถูกปฏิบัติเหมือนผู้ถูกพิพากษาว่ากระทำความผิดแล้ว
และได้ยังรับการลงโทษจำคุกหนักกว่าโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำความผิดเสียอีก อันเป็นการกระทบต่อสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๙ ให้การคุ้มครองจำเลยในคดีอาญาไว้” 

การใช้อำนาจเป็นอาญาสิทธิ์โดยไม่คำนึงถึงมาตรฐานสากล ชนิดที่พวกตัวใหญ่ๆ ทั้งหลายนึกจะพูดโพล่งอย่างไรก็ได้ไม่ยับยั้งชั่งใจระวังปาก ผิดพลาดแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง อย่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พ่นออกมาทันควันเมื่อถูกถามถึงการตายของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ว่าอยากเข้าเตรียมทหารก็ต้องถูกซ่อมทั้งนั้น หรือบ่อยครั้งถ้าไม่มีใครกล้าท้วงกล้าเถียงก็ปล่อยเลยตามเลย

เช่นนี้ทำให้ความ เสียของ ในการยึดอำนาจมาเกือบสี่ปีของ คสช. ไปตกอยู่กับประชาชนและประเทศชาติ แม้นว่าพวก คสช. เองจะไม่ยอมรับก็ตาม

เรื่องเล็กน้อยไม่ควรพูดพล่อยชนิดหัวหน้า คสช.ไปอวดเก่งกับนักเรียนว่าสามารถหางานให้ทำได้ง่าย แค่ประชาชนคนหนึ่งไม่ต้องถึงกับองค์กรนานาชาติก็แย้งได้

“ผมว่านายกฯ น่าจะเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปนะครับ รบ.ก่อนอัตราการว่างงานเคลื่อนไหวในระดับ 0.5-0.9% และมีค่าเฉลี่ยที่ราวๆ 0.7%

แต่สมัย รบ.ทหาร อัตราการว่างงานเคลื่อนไหวในกรอบ 0.8-1.2% โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1% สูงกว่า รบ.ยิ่งลักษณ์ 0.3%” 'WiPa. @WiPa_ng' ย้อนให้

แม้นว่าระยะนี้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช. จะพยายามสร้างภาพลักษณ์ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งที่ดัชนีต่างๆ ยังไม่นิ่งตายตัวไปในทางนั้น แต่การโกหกซ้ำซากก็อาจทำให้ผู้พูดเผลอตัวไปได้ว่านั่นคือความจริง

เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นการเติบโตทางอุตสาหกรรม เมื่อเดือนที่แล้วก็ยังไม่อาจขยับให้เพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย ตามที่ประธานสภาอุตสาหกรรมยอมรับเมื่อวานนี้ (๒๓ พ.ย.) ว่า “อยู่ที่ ๘๕.๙ ปรับตัวลดลงจาก ๘๖.๗ ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา” ขณะที่ดัชนีคาดการณ์อยู่ที่ระดับ ๑๐๐ ขึ้นไป

อีกทั้งปัญหาราคายางพาราตกต่ำต่อเนื่องมาตลอดสามปีจนขณะนี้ปริ่มๆ จะเหลือสามโลร้อย รัฐบาล คสช. กลับใช้วิธีการควบคุมตัวแกนนำชาวสวนยางไปปรับทัศนคติไม่ให้มีเสียงโวยวาย

ปะเหมาะเคราะห์ร้ายที่แกนนำเหล่านี้เคยเป็นพวกที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลที่แล้วนำร่องให้ คสช. เข้ายึดอำนาจ การณ์เลยกลายเป็นว่าจะทำให้เกิดเหตุ น้ำผึ้งหยดเดียว ไม่บังควรไปเสียฉิบ


หรือการพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงขอบข่าย พรบ.คอมพิวเตอร์ ว่าจะจัดการกับสื่อออนไลน์ ยกตัวอย่างรายการดนตรี เดอะว้อยซ์แต่กลับไปแว้งกัด ว้อยซ์ทีวีสำนักสื่อที่ตระกูลชินวัตรเป็นเจ้าของ


ทำให้ดูเหมือนว่า คสช. สร้างศัตรูกับทุกฝ่ายถ้าไม่ใช่ลิ่วล้อของตน นั่นก็เป็นความเสื่อมทั้งทางจรรยาและสมรรถภาพในการบริหารบ้านเมืองหนักข้อยิ่งขึ้นทุกวัน

การออกคำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ ที่ ๕๑/๒๕๖๐ ให้อำนาจ กอ.รมน. เข้าไปกำกับควบคุมงานบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติ นี่ก็แสดงชัดถึงเจตนาในการครองเมืองระยะยาวโดยคณะทหาร

ดูแต่ปัญหาน้ำท่วมปีนี้ ซึ่งวันนี้ถึงคราวภาคใต้ อ่วม กันบ้าง ตั้งแต่หัวหินขึ้นมาถึงเพชรบุรีนี่แล้ว ทั้งที่ปริมาณมิได้เทียบเท่ากับปี ๕๔ แต่ความเสียหายเดือดร้อนยิ่งกว่า เพราะการป้องกันแก้ไขไร้น้ำยา

กรรมของประชาชนคนไทย ที่คนกลุ่มนี้กำลังร่างคัมภีร์ชื่อยุทธศาสตร์ชาติให้บ้านเมืองจะต้องอยู่ในสภาพล้มเหลวต่อไปอีก ๒๐ ปี